ประจำเดือน คือเลือดและเนื้อเยื่อบุโพรงมดลูกที่หลุดออกมาทุกรอบเดือนของผู้หญิง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นทุก 21-35 วัน แต่ละรอบจะอยู่นาน 3-7 วัน
การที่เราต้องมีการสร้างเนื้อเยื่อโพรงมดลูกใหม่เสมอก็เพื่อให้พร้อมต่อการฝังตัวของตัวอ่อน จึงทำให้เกิดวงโคจรของ ประจำเดือน แบบนี้ขึ้นมา ซึ่งก็จะขึ้นๆ ลงๆ ตามระดับของฮอร์โมนเพศด้วย
สิ่งที่เราควรสังเกตเกี่ยวกับประจำเดือน
– ปริมาณเลือดที่ออก ตามปกติเลือดที่ออกมาจะมีปริมาณไม่มากนัก แต่หากท่านใดพบว่าต้องเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 2 ชม. อันนี้คือปริมาณเลือดออกมาเยอะจนเกินไปอาจมีความผิดปกติแนะนำให้มาตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับนรีเวช
– เลือดที่ออกมามีลักษณะเป็นก้อนเลือด เป็นลิ่มๆ สีแดงสด แดงเข้ม แดงคล้ำ อันนี้อาจเกิดความผิดปกติเช่นกันแนะนำให้มาตรวจกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับนรีเวช
– ความสม่ำเสมอของรอบเดือน ที่ต้องมาทุก 21-35 วัน ไม่มาเร็วกว่า 21 วัน หรือมาช้ากว่า 35 วัน
สีประจำเดือนที่ผิดปกติ
1. สีชมพู หรือสีแดงจางๆ เกิดจากฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำ มักจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีภาวะซีด หรือออกกำลังกายอย่างหนัก
2. สีแดงอมส้ม เกิดจากการติดเชื้อในช่องคลอด มักจะมีกลิ่นเหม็น และมีหนองปนประจำเดือนมา
3. สีแดงปนเขียวข้นๆ เกิดจากการติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
4. สีแดงปนเทา เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักจะมีอาการคันร่วมด้วย
5. สีแดงเข้มจัด มีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะโลหิตจาง
สาเหตุของประจำเดือนที่ผิดปกติ
– ความเครียด ความวิตกกังวล
– อาหาร การอดอาหาร น้ำหนักที่เพิ่มหรือลดลงเร็วเกินไป
– การรับประทานยาคุมกำเนิด
– การเจ็บป่วยทางนรีเวช เช่น เนื้องอกในมดลูก ติ่งเนื้อในโพรงมดลูก โรคถุงน้ำในรังไข่ การตั้งครรภ์ ภาวะไข่ล้มเหลวก่อนวัยอันควร
เลือดออกผิดปกติแบบไหนที่ต้องระวังมากเป็นพิเศษ
– เลือดออกมากหลังมีเพศสัมพันธ์ เสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูก
– ประจำเดือนขาดเกิน 3 เดือน(ไม่ท้อง) เสี่ยงเป็นไข่ไม่ตกเรื้อรัง ไทรอยด์
– เลือดออกกระปริดกระปรอย ไม่เป็นรอบ เสี่ยงเป็น มะเร็งปากมดลูก
ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ สามารถบอกโรค และความผิดปกติของร่างกาย
– โรคอ้วน
– ภาวะเครียด
– ความผิดปกติของต่อมใต้
– ความผิดปกติของต่อมหมวกไต
– โรคเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์
– การเกิดเนื้องอกในรังไข่
– ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง
ที่มา
ติดตามเรื่องราวดีๆได้ที่ pawpawsforge.com